Ainol AX1 3Gโทรได้2ซิม MTK8389 QuadCore
ราคาพิเศษ 5,500 บาท 4,900 บาท
Android Tablet รุ่นใหม่ล่าสุด ในราคาถูกสุดๆ
ราคาพิเศษ 5,500 บาท 4,900 บาท
NEW!! Ampe A10 หน้าจอ 10.1 นิ้ว CPU Quadcore 6,900 บาท
Ampe A10 รุ่นใหม่ หน้าจอ 10.1 นิ้ว CPU Quadcore Rom 16GB Ram 2 GB
- หน้าจอ IPS (ชนิดเดียวกับไอแพด) ระดับ HD 1280x 800 ขนาด 10.1 นิ้ว
- CPU Quadcore A31 A31 Quad Core 1.2GHz (เร็ว 4 เท่าของ CPU ปกติ)
- ความจุตัวเครื่อง 16 GB และยังสามารถเพิ่ม ไมโครเอสดีการ์ดได้
- RAM DDR3 2 GB - Android 4.1.1
- มีช่อง HDMI สามารต่อออกจอทีวีได้
- 2 กล้อง หน้า-หลัง Dual Camera 2M Front 2M Rear
- เชื่อมต่ออินเตอร์เนตผ่านไวไฟ
สนใจโทร 08-6953-3733 เกษม 1980kasem@gmail.com
New!! Ainol Novo 7 Rainbow Android 4.2 แท็บเล็ต PC 4GB 2,650 บาท
ไอนอลเปิดตัวแท็บเล็ต Ainol novo 7 rainbow (ไอนอลเรนโบ) รุ่นล่าสุด
เป็นแท็บเล็ตจีนที่มีคุณภาพ และราคาถูกที่สุดในบรรดาแท็บเล็ตแบร์นเนม
Ainol novo 7 Rainbow ใช้ซีพียู Allwinner A13 ความเร็ว 1.2 Ghz
การ์ดจอแยก Mali 400 MP, กล้องหน้า 0.3 M, ความจำในเครื่อง 4 กิ๊ก
และความจุแบตเตอรี่ 2,200 มิลลิแอมป์ ทนและอึดสำหรับ แท็บเล็ตรุ่นเล็ก
ที่สำคัญ Ainol novo 7 rainbow ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.2 ล่าสุดในยุคนี้
สนใจโทร 08-6953-3733 เกษม 1980kasem@gmail.com
แท็บเล็ตในตอนนี้ได้รับความนิยมมาก เพราะว่าพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก และโดยเฉพะแท็บเล็ตจีนที่มีราคาถูกเลยได้รับการตอบรับดีเป็นพิเศษ Ainol ที่เป็นแท็บเล็ตแบรนด์จีนอีกแบรนด์ก็เตรียมเปิดตัวแท็บเล็ตสองรุ่นใหม่ ใช้ชื่อรุ่นว่า Ainol Novo 8 Discovery ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 4.1 Jelly Bean หน้าจอเป็น IPS ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด 1024×768 พิกเซล
ตัวเครื่องติดตั้งกล้องไว้ 2 ตัว ด้านหน้าเป็น VGA ด้านหลังความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ใช้งานมัลติทัชได้ เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 b/g/n มี microUSB และ HDMI ด้วย ใช้บอดี้เป็นอะลูมิเนียม หนา 10 มิลลิเมตรและหนัก 430 กรัม
MeMo Pad HD 7
รุ่นใหม่ล่าสุดจาก ASUS ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Computex จุดเด่นของรุ่นนี้คือราคาล้วนๆ โดยรุ่น 8GB เปิดราคามาเพียง 129 เหรียญ (ประมาณ 4,000 บาท) ส่วนรุ่น 16GB เปิดมา 149 เหรียญ โดย ASUS ตั้งใจจะขายแท็บเล็ตตัวนี้ในประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะ
ในปัจจุบันแท็บเล็ตก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งอุปกรณ์ไอทีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความที่ว่าใช้งานได้ไม่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนในเรื่องของแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมไปถึงมีหน้าจอที่ขนาดใหญ่ทำให้มองเห็นได้ชัดเจน ทำงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน Productivity อย่างงานเอกสาร เช็คอีเมล์ การใช้งานด้าน Social Network ในการติดตามข้อมูลข่าวสารทั่วไป เเละด้านมัลติมีเดียอย่างการดูหนังฟังเพลง เล่นเกมภาพความละเอียดสูงได้บนแท็บเล็ตในเครื่องนี้เครื่องเดียว
ถ้าเปรียบภาพรวมให้เข้าใจได้ง่ายๆ แท็บเล็ตจะมีลักษณะที่เหมือนกับสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ ที่มีตัวประมวลผลเป็นส่วนกลางในการคำนวณคำสั่งต่างๆ ที่เราป้อนเข้าไปในแท็บเล็ต มีหน้าจอไว้เเสดงผลเเละปุ่มต่างๆ ไว้ควบคุมการทำงานของเครื่อง เเรมไว้เก็บข้อมูลที่เราเรียกใช้งานชั่วคราว รวมไปถึงฟีเจอร์อื่นๆ ที่ทำให้แท็บเล็ตใช้งานได้หลากหลาย อย่างกล้องถ่ายรูป เซนเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงระบบ GPS นำทาง ส่งผลให้แท็บเล็ตกลายเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์สามารถใช้งานได้หลายด้านตามความต้องการ
ระบบปฏิบัติการเป็นปัจจัยแรกที่เราต้องรู้จักและทำความเข้าใจ โดยระบบปฎิบัติการ ก็คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่ควบคุมและสั่งการการทำงานของฮาร์ดแวร์ รวมไปถึงเป็นตัวกลางให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวก โดยตัวอย่างระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์ที่เราคุ้นเคย ก็จะเป็น Windows, Linux หรือ Mac OS X ที่แน่นอนแท็บเล็ตเองก็จำเป็นที่ต้องมีระบบปฏิบัติการไว้สำหรับใช้งาน ซึ่งระบบปฏิบัติการหลักๆ ในแท็บเล็ตมีดังต่อไปนี้
ถ้าพูดถึงส่วนที่สำคัญที่สุดของแท็บเล็ตในปัจจุบันอาจจะกล่าวได้ว่าคือตัวประมวลผล ซึ่งในปัจจุบันตัวประมวลผลนั้นประกอบไปด้วย CPU เเละ GPU ในตัวเดียวกัน ซึ่งตัวประมวลผลนี้ส่งผลโดยตรงต่อความเร็วเเละความลื่นไหลในการใช้งานโดยตรงของเครื่อง ซึ่งปกติเเล้วเครื่องระดับไฮเอนด์จะใช้ตัวประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้การใช้งานนั้นมีความเร็วสูงตามไปด้วย ในขณะที่เครื่องรุ่นล่างเเละกลางก็จะใช้ตัวประมวลผลที่มีประสิทธิภาพรองลงมา องค์ประกอบหลักๆ มีสามส่วนดังนี้ครับ
โดยในปี 2013 นี้ เราจะได้เห็นชิปประมวลผลที่มีคอร์ในการประมวลผลสูงสุดถึง 8 คอร์ด้วยกัน (Octa Core) โดยตัวอย่างชิปประมวลผลที่เราจะได้เห็นบ่อยๆ จากแต่ละค่ายก็เช่น
Qualcomm
สำหรับชิปล็อตเก่าจะมีด้วยกัน 4 ไลน์ย่อย ได้แก่ Play, Plus, Pro และ Prime (เรียงลำดับความแรงจากน้อยไปมาก) ซึ่งตัวอย่างของชิปที่ได้รับความนิยมของแต่ละไลน์ก็เช่น
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นชิปประมวลผลรุ่นใหม่ของ Qualcomm ที่เปิดตัวในปีนี้ โดยปรับการเรียกชื่อซีรี่ย์ให้เป็นตัวเลข 3 หลัก นั่นคือ Snapdragon 800, Snapdragon 600, Snapdragon 400 และ Snapdragon 200 (เรียงตามลำดับความแรง)
NVIDIA Tegra 4
ด้านของ NVIDIA เอง ปีนี้ก็ได้ทำการเปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ของตนออกมา นั่นก็คือ Tegra 4 ซึ่งยังคงคอนเซ็ปท์การแบ่งคอร์ประมวลผลเป็นสองชุดอยู่เช่นเดียวกับ Tegra 3 คือมี 1 คอร์สำหรับประมวลผลงานเบาๆ ทั่วไป และระหว่างสแตนด์บาย ส่วนอีก 4 คอร์ที่เหลือจะเก็บไว้ใช้สำหรับการประมวลผลหนักๆ ซึ่งช่วยให้ในระหว่างการทำงานทั่วไป ระบบจะไม่กินพลังงานมากนัก ส่วนด้านการประมวลผลกราฟิก ก็มีการเพิ่มคอร์ของ GPU ทำให้ประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกสูงขึ้นกว่า Tegra 3 ถึงหกเท่า
โดยอุปกรณ์ที่ใช้งานชิป Tegra 4 น่าจะเริ่มออกมาตั้งแต่ช่วงปลายปีเป็นต้นไป คาดว่าในช่วงแรกน่าจะเน้นไปที่กลุ่มแท็บเล็ต Android ก่อนเช่นเคย
Samsung Exynos
ส่วนของ Samsung เองก็ได้จัดการเปิดตัวชิปประมวลผล Exynos รุ่นใหม่ของตนด้วยเช่นกัน ในชื่อ Exynos Octa ที่น่าสนใจก็คือมีคอร์ประมวลผลสูงสุดถึง 8 คอร์ แต่จะแบ่งคอร์ออกเป็นสองชุด คือชุดที่ใช้สถาปัตยกรรม Cortex A7 จำนวน 4 คอร์ ไว้สำหรับประมวลผลงานเบาๆ ธรรมดาทั่วไป ส่วนอีก 4 คอร์เป็นสถาปัตยกรรม Cortex A15 โดยเอาไว้ใช้ประมวลผลงานหนักๆ ซึ่งตัวของ Exynos Octa นี้น่าจะลงมาอยู่ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตรุ่นไฮเอนด์ของ Samsung ในปีนี้อย่างแน่นอน
ชิปประมวลผลจากผู้ผลิตรายอื่นๆ
ในปีนี้เราน่าจะได้เห็นชิปประมวลผลจากผู้ผลิตรายอื่นๆ มาอยู่ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องราคาประหยัด หรือที่เรียกง่ายๆ ว่ามือถือจีน แท็บเล็ตจีน รวมไปถึงแท็บเล็ตราคาประหยัดจากอินเตอร์แบรนด์หลายๆ รายที่หันลงมาเล่นตลาดนี้ด้วย ซึ่งเครื่องกลุ่มนี้มักจะใช้ชิปประมวลผลจาก MediaTek เป็นหลัก ซึ่งประสิทธิภาพก็อยู่ในระดับที่สามารถใช้งานทั่วไปได้สบายๆ แต่อาจจะมีกระตุกบ้างถ้ามีการใช้งานหนักๆ ซึ่งก็เป็นไปตามราคาเครื่องครับ
Intel
นอกเหนือจากนี้ยังมีในส่วนของแท็บเล็ตที่ใช้ชิปประมวลผลของทาง Intel โดยสถาปัตยกรรมเป็น X86 ที่ส่วนมากแล้วแท็บเล็ตประเภทนี้จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งในส่วนของ Intel จะมีการเลือกใช้งานในแท็บเล็ตตั้งแต่ชิปประมวลผล Intel Atom ที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป และ Intel Core i จะเหมาะกับการใช้งานที่เน้นการประมวลผลหรือใช้งานหนัก
AMD
แน่นอนว่าเป็นสถาปัตยกรรมเป็น X86 และหลักๆ แล้วจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows คาดว่าจะมีการใช้งานในแท็บเล็ตและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปีนี้ ที่สำคัญคือจะมาเป็นเทคโนโลยี APU ซึ่งมีหน่วยประผลกราฟิกที่เหนือกว่าฝั่งของ Intel
เเรมหรือหน่วยความจำนั้นเป็นที่เก็บข้อมูลชั่วคราวที่เรากำลังเรียกใช้งานอยู่ ซึ่งปกติเเล้วเเรมจะมีความเร็วสูงกว่าข้อมูลที่เก็บเอาไว้ในพื้นที่เก็บข้อมูลปกติ (รอม) ทำให้สามารถใช้งานเเบบมัลติทาสก์ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เเล้วเเอพลิเคชันบางตัวมีการใช้งานหน่วยความจำที่สูง จึงไม่มีเเรมเพียงพอที่จะรันเซอร์วิสในเเบคกราวด์อื่นๆ ทำให้เกิดอาการเเอพลิเคชันไม่รันในเเบคกราวด์เพราะโปรเเกรมที่อยู่ในพื้นหลังจะปิดตัวเองอัตโนมัติถ้าเเรมไม่พอ ทำให้ไม่สามารถใช้งานมัลติทาสก์ได้อย่างเต็มที่ถ้าเเรมมีน้อยเกินไป เพราะเมื่อสลับเเอพนั้นจะเหมือนเราเปิดเเอพขึ้นมาใหม่เสมอ ไม่ใช่สภาพล่าสุดที่เราใช้งานเเรมมาตรฐานถ้าต้องการใช้งานได้ดีขั้นต่ำควรอยู่ที่ 512 MB ขึ้นไปครับ โดยในปัจจุบันแรมของสมาร์ทโฟนจะมีแบ่งตามระดับราคาคร่าวๆ ดังนี้
รอมหรือพื้นที่เก็บข้อมูลนั้นในปัจจุบันได้พัฒนาความจุไปมาก โดยส่วนใหญ่เเล้วในรุ่นระดับกลางก็จะเห็นตั้งเเต่ 8 GB ขึ้นไป ซึ่งจะเเบ่งออกเป็นสองส่วนคือ System Partition ที่เป็นส่วนของระบบในการติดตั้งตัวรอมเเละพื้นที่ติดตั้งเเอพลิเคชันในเครื่อง ส่วนที่เหลือก็เป็นที่เก็บข้อมูลเเบบปกติเหมือนกับ micro-SD card ทั่วไป เช่น เอาไว้เก็บรูปหรือเพลงได้
ในปัจจุบันหน้าจอของแท็บเล็ตหลักๆ แล้วจะมีตั้งเเต่ขนาด 7 นิ้วไปจนถึง 10 นิ้ว ซึ่งมีให้เลือกตามความเหมาะสม สำหรับคนที่ต้องการพกพาที่สะดวกสบายที่สุดคงต้องมองเป็นขนาดหน้าจอ 7 – 8 นิ้ว ที่นอกจากนี้เเล้วส่วนมากหน้าจอที่มีขนาดเล็กมักจะมีราคาต่ำกว่าหน้าจอขนาดใหญ่อีกด้วย โดยความละเอียดสูงสุดจะอยู่ที่ 800 x 400 พิกเซลขึ้นไป
สำหรับคนที่ต้องใช้งานแท็บเล็ตอ่านข่าวสารและเล่นเกมเป็นหลักนั้น ควรเลือกหน้าจอที่มีขนาด 9 นิ้วขึ้นไป เพราะตัวอักษรจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเเละอ่านได้สบายตากว่าในระยะเวลานาน ส่วนความละเอียดหน้าจอนั้นควรจะอยู่ที่ 1280 x 720 พิกเซลขึ้นไป โดยแท็บเล็ตรุ่นระดับสูงๆ จะมาพร้อมกับความละเอียดที่สูงมากๆ อย่าง 1920 x 1080 ขึ้นไป เพื่อความเรียบเนียบในการแสดงผล ส่งผลให้ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี
ปัจจุบันนี้หน้าจอเเยกออกเป็นสองเเบบใหญ่ๆ คือ LCD เเละ AMOLED โดย LCD นั้นจะเป็นเทคโนโลยีเเบบดังเดิมคือมีเเสงไฟปล่อยจากข้างหลังจอเเละมีการเปิดปิดของพิกเซลในการเเสดงสี ส่วน AMOLED นั้นพิกเซลจะเปล่งเเสงได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยไฟ Backlit เหมือน LCD
โดยธรรมชาตินั้นข้อดีของ LCD คือสามารถเเสดงสีได้เป็นธรรมชาติเเละมีอายุการใช้งานยาวนาน อีกทั้งยังมีต้นทุนที่ต่ำเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีมานานเเล้ว ข้อจำกัดคือไม่สามารถเเสดงสีดำได้สนิทนักโดยจะเห็นว่ามีเเสงสีขาวเเสดงขึ้นมาบ้าง
ส่วน AMOLED นั้นมีข้อดีคือสามารถเเสดงสีดำได้สนิทเนื่องจากเป็นการ “ปิด” การเเสดงสีของพิกเซลที่เเท้จริง เเละไม่มีเเสงไฟปล่อยจากด้านหลังเหมือนหน้าจอ LCD เเต่ส่วนใหญ่เเล้วจอ AMOLED นั้นจะมีการเเสดงคอนทราสที่สูง ทำให้สีนั้นมีความสดกว่าต้นฉบับ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการใฃ้งานสำหรับคนที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีได้
จอ LCD ในปัจจุบันเเบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ
ส่วนจอ OLED นั้นปัจจุบันที่ถูกใช้กันอย่างเเพร่หลายมีเฉพาะของ Samsung เท่านั้นโดยในชื่อเครื่องหมายการค้าชอง Samsung ที่ชื่อ “Super AMOLED” ซึ่งข้อดีชองจอชนิดนี้ก็อย่างที่กล่าวมาข้างต้นคือ นอกจากนี้เเล้วยังมีการประหยัดพลังงานที่ยืดหยุ่นตามการใช้งาน คือจะใช้พลังงานเมื่อเฉพาะมีการเปล่งเเสงสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำออกมา เเต่ถ้ามีการเปล่งเเสงอื่นๆ (ขาว เเดง เขียว น่้ำเงิน เเละอื่นๆ) ออกมามากที่ไม่ใช่สีดำก็มีอัตราการกินพลังงานไม่ต่างกับหน้าจอชนิดอื่นเช่นกัน
จอ Super AMOLED ในปัจจุบันเเบ่งออกมาสองประเภทหลักๆ คือ
เทคโนโลยีกล้องดิจิตอลสำหรับอุปกรณ์พกพาในตอนนี้ส่วนใหญ่เเล้วจะเเข่งกันที่ความละเอียดพิกเซลเสียส่วนใหญ่ เเต่ก็มีการพัฒนาในเรื่องของค่ารูรับเเสงที่ดียิ่งขึ้นทำให้ถ่ายรูปในที่เเสงน้อยได้ดีกว่าเดิม โดยดูจากค่า F ที่มีจำนวนยิ่งน้อยถือว่ายิ่งรับแสงสว่างได้ดี เช่น F2.2 นั้นดีกว่ากล้องที่มีค่า F ที่ 2.4 ซึ่งนอกเหนือจากค่า F ที่มีเลขน้อยจะช่วยให้รับแสงสว่างได้ดีขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้สามารถถ่ายภาพแบบ “หน้าชัดหลังเบลอ” ได้ดีขึ้นอีกด้วย เเละส่วนใหญ่ก็มี LED Flash มาให้สำหรับเพิ่มเเสงสว่างเวลาถ่ายในที่มืดเหมือนกันหมด
ที่ปกติแล้วแท็บเล็ตหลายๆ รุ่นก็จะมีการติดตั้งกล้องมาไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งด้านหน้าจะไว้ใช้งาน VDO Call หรือถ่ายรูปตัวเองเป็นหลัก คุณภาพของกล้องก็จะไม่สูงมากนัก สเปกเริ่มต้นอยูที่สามแสนพิกเซล จนไปถึงระดับ 1 – 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องด้านหลังจะมีคุณภาพที่สูงกว่าเพราะไว้ใช้งานถ่ายรูปแบบหลัก ซึ่งมีความละเอียดส่วนมากเริ่มต้นตั้งแต่ 2 พิกเซลขึ้นไป
อย่างไรก็ตามกล้องที่มีคุณภาพดีนั้น ปัจจัยหลักที่สำคัญคือเรื่องของเซนเซอร์ที่ยังไม่มีการพูดถึงกันมากนักสำหรับผู้ผลิต ทำให้ส่วนใหญ่ต้องดูจากภาพถ่ายของเครื่องจริง หรือข้อมูลเฉพาะรุ่นเป็นส่วนใหญ่ว่าเน้นเรื่องกล้องมากเเค่ไหน ส่วนใหญ่เเล้วแท็บเล็ตที่ใช้กล้องคุณภาพสูงอาจจะยังไม่มีมากมายนักหากเทียบกับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของภาพถ่ายก็คือเรื่องของซอฟต์แวร์และกระบวนการประมวลผลภาพในตัวเครื่อง
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตอีกเช่นกัน ว่าจะทำส่วนนี้ออกมาได้ดีขนาดไหน ไล่มาตั้งแต่ก่อนถ่ายภาพเลย ว่าจะคำนวณค่าความสว่าง, White Balance, ISO ได้ดีขนาดไหน รวมไปถึงกระบวนการประมวลผลหลังถ่ายภาพแล้วอีก ทำให้ไม่สามารถฟันธงได้ 100% ว่ากล้องตัวไหนจะดีจะแย่ขนาดไหน ต้องชมจากภาพตัวอย่างที่เอามาเปิดบนจอเดียวกัน ไม่ใช่เปิดบนจอแท็บเล็ตเครื่องใครเครื่องมัน
อีกส่วนประกอบหนึ่งในการเลือกซื้อแท็บเล็ต อย่างวัสดุในการผลิตจนเป็นแท็บเล็ตหนึ่งเครื่อง ที่หลักๆ แล้ววัสดุที่เราเห็นกันก็จะมี อาทิเช่น พลาสติก (มีทั้งแบบด้านและแบบมัน), ซอฟท์ทัช และ ะลูมิเนียมอัลลอยด์ (อะลูนิเนียมผสมโลหะอื่น) ว่าแล้วเราก็ไปชมรายละเอียดของแต่ละวัสดุกันเลย
พลาสติก
โดยเรียกได้พลาสติกนั้นว่าเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการประกอบเป็นเครื่องแท็บเล็ต ที่อาจจะเป็นพลาสติกแบบเกรดธรรมดา หรือคุณภาพสูงอย่าง ABS (มีทั้งแบบด้านและแบบมันวาว) ซึ่งของดีของการใช้พลาสติกเป็นวัสดุในการประกอบสำหรับผู้ผลิตค่ายต่างๆ ก็คือ มีต้นทุนที่ถูกที่สุด รวมไปถึงสามารถขึ้นรูปทรงได้ง่าย ถ่ายเทความร้อนได้งดี (ไม่อมความร้อน) ถึงว่าความแข็งแรงทนทานอาจจะมีไม่มากนัก สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างสบายๆ อย่างไม่ต้องกังวล แต่ก็อาจจะมีข้อสังเกตอยู่ว่า หากใช้ไปนานๆ อาจจะมีอาการกรอบ ทำให้แตกหักได้ง่าย รวมไปถึงสีสันที่เคลือบเอาไว้อาจจะหลุดลอกได้
ซอฟท์ทัช
ซอฟท์ทัช (Soft Touch) เป็นวัสดุประเภทพลาสติกกึ่งยางที่เกิดจากกระบวนการฉีดพลาสติกเข้าสู่แม่พิมพ์แล้วทำการรีดผ่านโรลเย็น โดยวิธีการทำนั้นต้องอาศัยเวลาและน้ำหนักการดึงที่พอดี ไม่เช่นนั้นพื้นผิวยางจะเกิดความเสียหายได้ โดยหลังจากผ่านกระบวนการข้างต้นแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการ Thermoforming ที่เป็นกระบวนการขึ้นรูป ให้พลาสติกขึ้นรูปเป็นรูปแบบต่างๆ ได้ด้วย
ซอฟท์ทัชจัดเป็นพลาสติก ABS ประเภทหนึ่ง โดดเด่นด้านสัมผัสที่ดี ไม่ลื่นหลุดมือง่าย ไม่สะท้อนแสงและไม่มันวาว แต่ทนต่อรอยขีดข่วนกับการถลอกได้ไม่ดีนัก ใช้ไปนานๆ ก็มีโอกาสที่จะลอกหลุดได้ โดยมีความหนาไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ทำให้เมื่อนำมาปิดทับจะไม่ทำให้เครื่องหนาเกินไปรวมทั้งเสริมมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ รวมทั้งทำให้ดูดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
อะลูมิเนียมอัลลอยด์
เป็นอีกขั้นของวัสดุในการประกอบเป็นแท็บเล็ต กับอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ที่ในตอนนี้เราจะเห็นกันได้ง่ายๆ จาก iPad ของ Apple ที่ใช้กระบวนการพิเศษในการขึ้นรูปตัวเครื่องด้วยอะลูมิเนียมอัลลอยด์เพียงชิ้นเดียว (Unibody) ซึ่งก็จะได้ในเรื่องความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา รวมไปถึงเมื่อใช้งานก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงและหรูหรากว่าวัสดุที่เป็นพลาสติก ที่สำคัญด้วยความที่อะลูมิเนียมอัลลอยด์เป็นโลหะ ให้ในการขึ้นรูปทรงเป็นชิ้นส่วนบางๆ ได้ง่ายโดยยังให้ในเรื่องความทนทานอยู่ แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ค่อนข้างจะเป็นสื่อนำความร้อนได้ง่าย
สำหรับการใช้วัสดุอย่างอะลูมิเนียมอัลลอยด์สิ่งหนึ่งที่ทางผู้ผลิตค่ายนั้นๆ ต้องรับภาระมากยิ่งขึ้นก็คือต้นทุนในผลิต เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าอะลูมิเนียมมีต้นทุนในผลิตนั้นสูงกว่าพลาสติก จึงทำให้แท็บเล็ตที่ใช้อะลูนิเนียมอัลลอยด์เป็นวัสดุนั้น ต้องเน้นไปในเรื่องความความหรูหรา สวยงาม หรือเน้นไปในทิศทางของไลฟ์สไตล์ โดยไม่เน้นในส่วนของราคาที่คุ้มค่าต่อสเปกที่ได้ซักเท่าไหร่นัก
แท็บเล็ตบางรุ่นจะมีในส่วนของรุ่นที่รองรับการใส่ซิมการ์ดได้ ทำให้สามารถใช้งานในเรื่องอินเตอร์เน็ต 3G ตามผู้ให้บริการต่างๆ ได้ และปัจจุบันนั้นในประเทศไทยได้มีการเปิดให้บริการ 3G ในระยะเริ่มเเรกเเล้ว โดยเเบ่งเป็นของ true เเละ dtac ในความถี่ 850 MHz, AIS ที่ 900 MHz เเละ TOT ที่ 2100 MHz ซึ่งต้องมีการตรวจสอบสเปกให้ดีว่าแท็บเล็ตเครื่องไหนใช้คลื่นอะไรได้บ้าง
อีกความเเตกต่างหนึ่งคือความเร็วสูงสุดของ 3G ที่รองรับ โดย HSPA จะรองรับที่ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps ส่วนเครื่องที่รองรับ HSPA+ นั้นจะได้ความเร็วสูงสุดถึง 21 Mbps หรือแท็บเล็ตในบางรุ่นก็พร้อมรองรับคลื่น 4G กันแล้ว ซึ่งอาจจะใช้ชื่อสเปกว่า LTE หรือชื่อรุ่นต่อท้ายว่า LTE ก็ให้เข้าใจกันว่าแท็บเล็ตรุ่นนั้นๆ รองรับการใช้งานแบบ 4G กันแล้ว อย่างไรก้ตามสำหรับในประเทศไทยตอนนี้ยังอยู่ในขั้นทดสอบกันอยู่ แต่ในอนาคตก็จะเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแน่นอน
นอกเหนือจากนี้แท็บเล็ตบางรุ่นยังรองรับการโทรการรับสายได้แบบมือถือทั่วไปอีกด้วยจากการที่สามารถใช้ซิมการ์ดได้ ที่เรียกได้ว่าทำให้แท็บเล็ตนั้นสามารถใช้แทนที่สมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มรูปแบบทีเดียว สำหรับราคาก็ถือว่าไม่แพงเลย มีรุ่นที่เริ่มต้นเพียงประมาณ 9,000 บาทเท่านั้น
สิ่งที่เเตกต่างในเเต่ละเลขเวอร์ชันของ Bluetooth คือความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์กับเครื่อง ในเวอร์ชันล่าสุดคือ Bluetooth 4.0 นั้นถูกออกเเบบมาให้ใช้พลังงานต่ำเเละมีความเร็วในการเเพร์อุปกรณ์ที่เร็วกว่าเดิม อีกทั้งยังมีระยะทำการที่กว้างขึ้น
เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจากอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi อย่างเราเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เเล้วรองรับกับอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi ที่รองรับเทคโนโลยีใหม่สุดคือ 802.11n ที่กำลังจะเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในอีกไม่นานนี้ ไม่มีความเเตกต่างกันระหว่างรุ่นมากนัก ส่วนมาตรฐาน 802.11ac ที่เป็นมาตรฐานใหม่นั้น ยังไม่แท็บเล็ตตัวไหนที่ใช้งานกัน อีกทั้งอุปกรณ์ส่งคลื่น (เช่นพวก router) ยังไม่มีอยู่ในตลาด ดังนั้นก็ยังไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อแท็บเล็ตในปีนี้แต่อย่างใด
ระบบจับตำเเหน่งของผู้ใช้โดยใช้สัญญาณดาวเทียม ซึ่งจริงๆ เเล้ว GPS นั้นหมายถึงระบบดาวเทียมระบุตำเเหน่งของสหรัฐ โดยมีดาวเทียมทั้งหมด 31 ดวงในการช่วยระบุตำเเหน่ง เเต่จริงๆ เเล้วระบบดาวเทียมยังมีของ GLONASS ที่ใช้บริการดาวเทียมของรัสเซียอีก 24 ดวงฝนการระบุตำเเหน่งเช่นเดียวกัน ซึ่งไว้ใช้งานหลักๆ ก็คือการระบุตำแหน่งของแท็บเล็ตเครื่องนั้นๆ ประกอบกับการใช้งานแอพพลิเคชั่นบางประเภท
ที่โดยส่วนมากนั้นแท็บเล็ตเกือบทุกตัวในตลาดจะติดตั้ง GPS มาให้อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีแท็บเล็ตประเภทราคาถูกอาจจะไม่ได้มีการติดตั้งมาให้ ซึ่งถ้าใครคิดว่าไม่ได้ใช้งานอยู่แล้วในส่วนของการระบุตำแหน่ง ก็ไม่กังวลมากนัก
ในปัจจุบันเเบตเตอรี่ที่ใช้ส่วนใหญ่นั้นมีสองประเภทใหญ่ๆ คือ Li-ion เเละ Li-Po ที่ไม่เเตกต่างกันด้านการใช้งานเท่าไรนัก เเต่ Li-Po จะมีข้อได้เปรียบตรงที่ไม่เกิดอาการเเบตเตอรี่ระเบิดเเบบ Li-ion ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยกว่าเเน่นอน
ค่าของเเบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนนั้นถูกนับหน่วยเป็น mAh มียิ่งมากยิ่งถือว่าใช้งานได้ยาวนานขึ้น เเต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ อย่างหน้าจอเเละตัวประมวลผลด้วย ที่โดยส่วนมากแท็บเล็ตจะติดตั้งความจุของแบตเตอรี่มาอยู่ที่มากกว่า 4,000 mAh สำหรับแท็บเล็ตหน้าจอ 7 นิ้ว ส่วน 10 นิ้วโดยส่วนมากแล้วก็จะให้มามากกว่า 9,000 mAh เพื่อการใช้งานที่ต่อเนื่องยาวนาน มากกว่า 5-6 ชั่วโมง
ด้วยความที่แท็บเล็ตเป็นหน้าจอแบบทัชสกรีนที่หลักๆ แล้วเราจะใช้งานด้วยนิ้วมือเพียงอย่างเดียว ก็ยังจะมีในส่วนของปากกาสไตรัสมาเราเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการใช้งานอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าเป้นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้เราใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นในแง่ของการ วาดภาพ ระบายสี หรือจดโน้ตต่างๆ ที่โดยส่วนมากแล้วแท็บเล็ตเกือบทุกรุ่นเราจะต้องซื้อปากกาสไตรัสมาเอง หากต้องการใช้งาน
แต่ก็ยังมีแท็บเล็ตอีกหลายๆ รุ่นที่มีมาให้ในชุดจัดจำหน่าย รวมไปถึงปากกาสไตรัสแบบพิเศษที่ใช้ใน Samsung Galaxy Note, Samsung ATIV Smart PC ที่มีความสามารถในเรื่องของแรงกดที่รอบรับได้ถึง 1024 ระดับ ทำให้เราสามารถใช้งานขีดเขียนเส้นหนาเส้นบางได้ไม่แตกต่างจากการใช้งานปากกาหรือดินสอจริงๆ เลย
อีกหนึ่งตัวเลือกที่สำคัญของแท็บเล็ตก็คงเป็น Docking Keyboard ที่โดยส่วนมากแล้ว แท็บเล็ตที่ใช้เป็นระบบปฏิบัติการ Windows จะมีในชุดจัดหน่ายมาให้ หรือเราจะซื้อแยกเองต่างหากก็สามารถทำได้ ส่วนแท็บเล็ต iPad กับ Android ก็มีเหมือนกัน แต่หลักๆ แล้วจะเป็นของบรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมเป็นคนมาจำหน่ายเสียมากกว่า
ซึ่งหน้าที่สำคัญของ Docking Keyboard ก็คือ การมีแป้นคีย์บอร์ดจริงๆ ในการช่วยพิมพ์ี่ทำให้ถนัดมากกว่าการกดแป้นจำลองบนหน้าจอ รวมไปถึงยังช่วยเป็นแบตเตอรี่เสริมอีกก้อน ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้เป็น 10 ชั่วโมงเลย สำหรับแท็บเล็ตที่ได้รับการติดตั้ง Docking Keyboard แล้วก็ถือได้ว่ามีลักษณะที่ใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊กหนึ่งเครื่องเลยทีเดียว
Ainol Novo10 Hero 16GB Tablet PC แท็บเล็ตระดับกลางประสิทธิสูง ในราคาที่คุณเอื้อมถึง ที่ให้ทุก ๆ ท่านสามารถจับจองเป็นเจ้าได้ แท็บเล็ตระดับกลาง Ainol Novo10 Hero จากจีน ที่อัดสเปคมาให้อย่างไม่ยั้งจนแบรนด์ดัง ๆ ยังอาย ยกตัวอย่างเช่น หน่วยประมวลผล (CPU) Dual Core AMLogic AML8726-M6 1.5GHz,การ์ดจอ Dual Core Mali400, 1GB DDR3, จอ IPS 10.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1280x800 pixel และที่สำคัญมาพร้อมระบบปฎิบัติการเสรีอย่าง Android 4.1 Jelly Bean แต่ถึงแม้สเปคจะจัดเต็มสตรีมขนาดนี้ แต่ขอบอกได้เลยว่าแท็บเล็ตสุดคุ้มตัวนี้ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน!!!
กลับมาอีกครั้งพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ยิ่งกว่ากับ Ainol Novo7 Crystal 7" Android 4.1 ไม่ว่าจะ ดูหนังฟังเพลงไม่มีสะดุด ใช้งานได้หลายแอพพร้อมกัน พร้อมฟีเจอร์ใหม่และแอพพลิเคชั่นมากมาย ที่สร้างมาเพื่อแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ทั้ง อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ตอบสนองทุกความเร้าใจด้วยแท็บเล็ตจากแบรนด์คุณภาพจาก Ainol ที่มาพร้อมระบบปฎิบัติการ Android™ 4.1 Jelly Bean ใหม่ล่าสุด ให้คุณใช้งานได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่มองหาแท็บแล็ตประสิทธิภาพสูงแต่ราคาย่อมเยา
พบกับ สินค้าใหม่จาก best tablet shop
Specifications | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Model | AMPE A78 Dual Core | ||||||||
Display | 7" 5-points touch Capacitive Screen, 16:9, 1024*600 | ||||||||
CPU | Rockchip RK3066 ARM Cortex-A9 Dual Core 1.6GHz | ||||||||
GPU | Quad Core Mali400 MP, support OpenGL ES 2.0 | ||||||||
RAM | 1GB DDR3 | ||||||||
ROM | 8GB Nand Flash | ||||||||
OS | Android 4.1.1 Jelly Bean | ||||||||
Camera | Dual Cameras (Front 0.3MP+Back 2.0MP) | ||||||||
3G | Support External 3G Dongle | ||||||||
GPS | N/A | ||||||||
Wi-Fi | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n | ||||||||
Battery | 3500mAh / 3.7V Li-ion Battery | ||||||||
Data interface | USB HOST 2.0 high speed interface (MiRco), Support Extra Hard Disk, Ethernet, 3G Dongle and other peripherals | ||||||||
interface | Micro USB 5PIN DC-IN 2.5mm Audio output 3.5mm HDMI-Mini | ||||||||
Bluetooth | N/A | ||||||||
OTG | Support the Hard Disk, digital cameras, U disk, card reader,keyboard, mouse, OTG etc | ||||||||
G-Sensor | Support (gravity sensor), V-sensor (vibration sensor) | ||||||||
HDMI | HDMI 1.4, 1080P, 3D Output | ||||||||
Flash | Flash 11.0 Support | ||||||||
Life ability | built-in FM DVFS,and Smart PMU intelligent power management system, standby about 20 days | ||||||||
Size | 197.6*122.3*9.7mm | ||||||||
Color | White | ||||||||
package | 1 x Tablet PC 1 x AC Charger 1 x USB Cable 1 x Headest 1 x User Manual (Chinese) 1 x OTG cable |